ทั้ง 2 กระแสที่ว่านี้ ณ ขณะนี้ถือว่าแรงพอกัน
และก็ยังมีอีก 2 กระแสแทรกซ้อนอยู่ด้วย ??
ทั้งนี้ กับอาคารสถานที่ที่ถูกเผานั้น แม้จะมีหลายแห่ง แต่ “เซ็นทรัลเวิลด์” ก็ดูจะได้รับความสนใจมากกว่าแห่งอื่น เพราะเปรียบ เสมือนแลนด์มาร์คทางธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทย ซึ่งเมื่อเกิดเหตุถูกเผาก็มีกระแสเรื่อง “อาถรรพณ์พื้นที่” เกิดขึ้น อีกครั้ง เนื่องจากบริเวณที่ตั้งเคยเป็น “วังเพ็ชรบูรณ์” โดยเรื่องนี้ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” เคยสะท้อนไปแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังมีอีกกระแสหนึ่งคือเรื่อง “ฮวงจุ้ย”
กับเรื่อง “ฮวงจุ้ย” ที่เกี่ยวกับ “เซ็นทรัลเวิลด์” นั้น ทาง ซินแสภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตฯ ระบุว่า... ห้างแห่งนี้ตั้งแต่ยุคแรกที่ใช้ชื่อว่า “เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์” เริ่มก่อสร้างประมาณปี 2525 ซึ่งเป็นช่วงที่จะเปลี่ยนแปลงยุคฮวงจุ้ย จากยุค 6 สู่ยุค 7 ซึ่งเป็นยุคดิน ยุคแห่งการสรุปจบฮวงจุ้ย 180 ปี และเปิดดำเนินการในช่วงปี 2532-2533 ถือว่าเป็นยุค 7 ของฮวงจุ้ย ซึ่งทิศทางของห้างในขณะนั้น มีประตูทางเข้าออกห้างหลายทิศทาง ทั้งทางถนนราชดำริ หันประตูไปทางถนนสุขุมวิท ทางถนนเพชรบุรี ทางด้านวัดปทุมวนาราม และมีการหักมุมอาคารด้านแยกราชประสงค์ หันหน้าประตูไปที่โรงแรมเอราวัณ
“แต่ละประตูเข้าออก จะมีอิทธิพลดวงดาวที่จะส่งเสริมให้ รุ่งเรือง หรือทิศทางที่เสียที่จะดึงสิ่งไม่ดีเข้ามาสร้างปัญหา สร้าง ความเสียหายให้กับอาคารได้ เสมือนหนึ่งซื้อเครื่องทีวีมาแล้วต้องมีเสาอากาศ ที่เมื่อหันไปแต่ละทิศทาง ก็จะเจอคลื่นที่เข้ามาให้เห็นในจอภาพที่ไม่เหมือนกัน”
ซินแสภาณุวัฒน์ ระบุต่อไปว่า... ห้าง “เซ็นทรัลเวิลด์” นั้น จากการที่เคยได้รับเชิญให้ไปพูดเรื่องการไหว้รับตรุษจีนในห้างเมื่อต้น ปี 2553 ที่ผ่านมา และเคยไปดูฮวงจุ้ยของร้านค้าหลายแห่งในห้างแห่งนี้ ก็เคยได้วิเคราะห์เรื่องของ “สี่แยกเทพเจ้า” ที่มีเทพเจ้าอยู่มากมายหลายองค์ และก็เคยบอกถึงเรื่องฮวงจุ้ยไว้
ประตูใหญ่ของห้างที่หันไปทางถนนราชดำรินั้น ก็ถือว่าเป็นทิศทางที่ดี แต่จากการที่มีประตูเข้าออกหลายทางทำให้มีจุดที่เสีย ที่ไม่ดี อยู่ตรงประตูใหญ่ตรงกลาง จะดึงปัญหาเข้ามาให้เกิดการขัดแย้ง แตกแยกกันภายในห้าง อีกทั้งจะดึงคนให้มีอันเป็นไป จนถึงขั้นจะดึงให้มี “ปัญหาฟืนไฟ” เข้ามาในอาคาร เพียงแต่จะถึงเวลาเมื่อไหร่เท่านั้นเอง และเรื่องจุดนั่งทำงานของผู้บริหาร ถ้าอยู่ในจุดเสีย ของอาคาร ก็ทำให้มีปัญหาได้เช่นกัน
เมื่อฮวงจุ้ยเปลี่ยนเข้าสู่ยุค 8 ในปัจจุบัน อิทธิพลจะครอบคลุมตั้งแต่ปี 2547-2566 จุดไม่ดีนอกจากประตูใหญ่แล้ว เมื่อมองจากถนนราชดำริเข้าสู่ตัวอาคาร จุดไม่ดียังมีอยู่ด้านซ้ายมือด้านถนนสุขุมวิท ที่หันไปทางโรงพยาบาลตำรวจทั้งหมด และจุดเสียอีก 2 จุดอยู่ด้านหลังขวามือติดกับคลองด้านถนนเพชรบุรี ซึ่งใครไปอยู่ในจุดเหล่านั้นการทำการค้าก็จะมีปัญหาไม่รุ่งเรือง หรือถ้าค้าขายดีก็จะมี ปัญหาสุขภาพ การขัดแย้ง แตกแยก
“ส่วนประตูที่อยู่ด้านหักมุมตึก ที่อยู่ตรงข้ามแยกราชประสงค์ ก็ไม่ดี จะดึงปัญหา มีเรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้นภายใน อาคาร และดึงให้เกิดปัญหาฟืนไฟได้เช่นเดียวกัน”
ซินแสภาณุวัฒน์แจกแจงถึงฮวงจุ้ย “เซ็นทรัลเวิลด์” อีกว่า... จะเห็นว่าประตูนี้ไปประจันกับเจ้าที่เอราวัณฝั่งตรงข้าม จึงมีการสร้างองค์ “พระตรีมูรติ” ขึ้นมาเพื่อเป็นการปะทะป้องกัน พร้อมกับสร้าง “ฐานรูปสามเหลี่ยม” แต่ “ปลายแหลมกลับพุ่งเข้าหาประตูตัวเอง” ซึ่งถือว่า “ไม่ดี” ควรจะทำฐานเป็นวงกลมหรือแปดเหลี่ยมจะดีกว่า และอันที่จริงไม่ควรกังวลว่าเจ้าที่เอราวัณจะมีผลกระทบกับตัวอาคาร เพราะว่าเทพ หรือพระภูมิเจ้าที่นั้น จะปกป้องคุ้มกันคนดี ๆ ไม่ให้ร้ายใคร เว้นแต่ใครทำไม่ดีก็จะลงโทษคนเหล่านั้น
พร้อมกันนี้ ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ฮวงจุ้ยรายนี้ยังบอกด้วยว่า ...ต่อไปเมื่อมีการปรับปรุงก่อสร้าง “เซ็นทรัลเวิลด์” และเปิดทำ การใหม่ ภาพรวมทางธุรกิจก็จะยังคงดีอยู่ เพียงแต่ต้องปรับทิศทางเข้าออกใหม่ให้เหลือทิศน้อยลง เพราะจะทำให้จุดไม่ดีในอาคารน้อยลง ส่วนจำนวนประตูจะมากเท่าเดิมก็ได้ พร้อมกับควรจะมีการจัดสรรพื้นที่ภายในให้สอดคล้องกับจุดที่ดี-จุดที่ไม่ดี จุดที่ไม่ดีก็ไม่ควรเป็นร้านค้า ควรเป็นโถงทางเดิน เป็นห้องน้ำ ห้องเก็บของ ส่วนจัดนิทรรศการอื่น ๆ แล้วความวุ่นวายก็จะน้อย ก็จะยังมีความรุ่งเรืองได้ต่อไปอีก
“และควรปิดประตูทิศที่หันไปทางวัดปทุมวนาราม เปลี่ยนหันไปทางถนนเพชรบุรี ประตูที่หันไปทางทิศโรงพยาบาลตำรวจ ถนนสุขุมวิท ก็ควรปรับเปลี่ยนหันไปทางถนนราชดำริ ซึ่งเป็นทิศเดียวกับประตูด้านหน้า จุดเสียก็จะน้อยลงไปครึ่งหนึ่ง จะทำให้ความ วุ่นวายน้อยลง หลาย ๆ อย่างจะดีขึ้น” ...ซินแสภาณุวัฒน์ระบุ
นี่ก็เป็นเรื่องของ “ฮวงจุ้ย” ที่เกี่ยวกับ “เซ็นทรัลเวิลด์”
ยึดโยงกับการ “ถูกเผา” และอนาคตที่น่าติดตามดู??.
ที่มา เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th/