แผนสร้างความปรองดองแห่งชาติ หาทางออก หรือ เจอทางตัน
เมื่อตอน 3 ทุ่ม วันจันทร์ที่ผ่านมา (3 พ.ค.) กับเนื้อหาในการออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดย ?อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ? นายกรัฐมนตรี ดูน่าฟังมากกว่าการออกทีวีพูลครั้งไหนๆ เป็นเพราะนายกฯ ระบุถึงแผน 5 ข้อ เพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
ขณะนั้นอยู่ในระหว่างที่มีการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 โดยสมาชิกวุฒิสภา ทำให้มีเสียงขานรับจากที่ประชุม พร้อมๆ กับการได้รับสัญญาณตอบกลับที่ดีจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.
เรื่องจึงดูเหมือนจะลงเอยตรงที่ นายกฯ ยอมให้มีการยุบสภา ภายในเดือน กันยายน นับเวลาแล้วจากวันนี้ ก็ร่วม 5 เดือน จากนั้นประเทศไทยจะเข้าสู่การเลือกตั้งอีกครั้งในวันที่ 14 พ.ย.53 ตามการประกาศของนายกรัฐมนตรี
โดย ?นายกฯ อภิสิทธิ์? ไม่ได้บอกว่าจะรอฟังคำขานรับ แต่ระบุชัดไปเลยว่าจะคงแนวทางนี้ ในข้อแม้ที่ว่าจะต้องไม่มีความขัดแย้งหรือสร้างความรุนแรง ก่อกวน ฯลฯ เกิดขึ้นอีก ไม่เช่นนั้นกำหนดการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งจะไม่เกิดขึ้น
จากนั้นก็จบตรงที่การนำเข้าสู่พิธีเฉลิมฉลองวันฉัตรมงคล
หากเรื่องเป็นเช่นนั้นจริงคงสวยงามไม่แพ้คำพูดสวยหรูที่เกิดขึ้น แต่นั่นหมายความว่าแผนการ 5 ข้อที่นายกฯ เสนอจะต้องใช้ได้จริงในทางปฏิบัติด้วย แล้วมันจะง่ายดายเช่นนั้นหรือไม่
ข้อ 1.การขอความร่วมมือในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ให้ถูกนำเข้าสู่ความขัดแย้งทางการเมือง
2.การแก้ปัญหาพื้นฐานความไม่เป็นธรรมในสังคม โดยเฉพาะปัญหาปากท้องความเป็นอยู่
3.การทำให้สื่อทำหน้าที่สร้างสรรค์ไม่เป็นเครื่องมือสร้างความแตกแยก
4.การชำระสะสางด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะความสูญเสียครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น 3 รอบในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
5.การดำเนินกติกาทางการเมืองเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย อาทิ การแก้รัฐธรรมนูญ และการเอาผิดจากผู้ละเมิดกฎหมายในการชุมนุม
หากพิจารณาโดยเนื้อแท้จะเห็นว่า ทั้งหมดเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง และมีความเรื้อรัง โดยเฉพาะบางจุดบางตอนเป็นปัญหาที่รัฐบาลไม่เคยแก้ได้หรืออาจไม่ใส่ใจที่จะแก้อย่างจริงจัง เช่น ข้อ2 นอกจากนี้ประเด็นเรื่องสื่อก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการพยายามดำเนินการ แต่หลายครั้งที่สื่อยังคงติดอยู่กับข้อจำกัดเดิมๆ ที่มาจากภาครัฐเอง สุดท้ายยกตัวอย่างข้อ 5 รัฐบาลโดยพรรคประชาธิปัตย์จะยอมตามข้อเสนอพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีถึงขั้นพิพาทกันเองระหว่างเลขาฯพรรค กับประธานที่ปรึกษาของพรรค
เพียงกรณีตัวอย่างบางเรื่องก็ดูจะเป็นเรื่องยากที่ต้องใช้เวลา เช่นนั้นภายใต้กรอบ 5 เดือนก่อนมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ประกาศิต 5 ข้อเพื่อนำไปสู่ความปรองดองแห่งชาติ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่เป็นเรื่องน่าติดตาม
ทีมข่าว Mthai
เมื่อตอน 3 ทุ่ม วันจันทร์ที่ผ่านมา (3 พ.ค.) กับเนื้อหาในการออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดย ?อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ? นายกรัฐมนตรี ดูน่าฟังมากกว่าการออกทีวีพูลครั้งไหนๆ เป็นเพราะนายกฯ ระบุถึงแผน 5 ข้อ เพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
ขณะนั้นอยู่ในระหว่างที่มีการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 โดยสมาชิกวุฒิสภา ทำให้มีเสียงขานรับจากที่ประชุม พร้อมๆ กับการได้รับสัญญาณตอบกลับที่ดีจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.
เรื่องจึงดูเหมือนจะลงเอยตรงที่ นายกฯ ยอมให้มีการยุบสภา ภายในเดือน กันยายน นับเวลาแล้วจากวันนี้ ก็ร่วม 5 เดือน จากนั้นประเทศไทยจะเข้าสู่การเลือกตั้งอีกครั้งในวันที่ 14 พ.ย.53 ตามการประกาศของนายกรัฐมนตรี
โดย ?นายกฯ อภิสิทธิ์? ไม่ได้บอกว่าจะรอฟังคำขานรับ แต่ระบุชัดไปเลยว่าจะคงแนวทางนี้ ในข้อแม้ที่ว่าจะต้องไม่มีความขัดแย้งหรือสร้างความรุนแรง ก่อกวน ฯลฯ เกิดขึ้นอีก ไม่เช่นนั้นกำหนดการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งจะไม่เกิดขึ้น
จากนั้นก็จบตรงที่การนำเข้าสู่พิธีเฉลิมฉลองวันฉัตรมงคล
หากเรื่องเป็นเช่นนั้นจริงคงสวยงามไม่แพ้คำพูดสวยหรูที่เกิดขึ้น แต่นั่นหมายความว่าแผนการ 5 ข้อที่นายกฯ เสนอจะต้องใช้ได้จริงในทางปฏิบัติด้วย แล้วมันจะง่ายดายเช่นนั้นหรือไม่
ข้อ 1.การขอความร่วมมือในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ให้ถูกนำเข้าสู่ความขัดแย้งทางการเมือง
2.การแก้ปัญหาพื้นฐานความไม่เป็นธรรมในสังคม โดยเฉพาะปัญหาปากท้องความเป็นอยู่
3.การทำให้สื่อทำหน้าที่สร้างสรรค์ไม่เป็นเครื่องมือสร้างความแตกแยก
4.การชำระสะสางด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะความสูญเสียครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น 3 รอบในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
5.การดำเนินกติกาทางการเมืองเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย อาทิ การแก้รัฐธรรมนูญ และการเอาผิดจากผู้ละเมิดกฎหมายในการชุมนุม
หากพิจารณาโดยเนื้อแท้จะเห็นว่า ทั้งหมดเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง และมีความเรื้อรัง โดยเฉพาะบางจุดบางตอนเป็นปัญหาที่รัฐบาลไม่เคยแก้ได้หรืออาจไม่ใส่ใจที่จะแก้อย่างจริงจัง เช่น ข้อ2 นอกจากนี้ประเด็นเรื่องสื่อก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการพยายามดำเนินการ แต่หลายครั้งที่สื่อยังคงติดอยู่กับข้อจำกัดเดิมๆ ที่มาจากภาครัฐเอง สุดท้ายยกตัวอย่างข้อ 5 รัฐบาลโดยพรรคประชาธิปัตย์จะยอมตามข้อเสนอพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีถึงขั้นพิพาทกันเองระหว่างเลขาฯพรรค กับประธานที่ปรึกษาของพรรค
เพียงกรณีตัวอย่างบางเรื่องก็ดูจะเป็นเรื่องยากที่ต้องใช้เวลา เช่นนั้นภายใต้กรอบ 5 เดือนก่อนมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ประกาศิต 5 ข้อเพื่อนำไปสู่ความปรองดองแห่งชาติ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่เป็นเรื่องน่าติดตาม
ทีมข่าว Mthai
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น